วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

D.I.Y. วิธีจัดการกับผ้าม่านหลังน้ำลด และการซักผ้าม่านง่ายๆด้วยตัวเอง

        สวัสดีเช้าวันเสาร์ครับ เชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังมีความสุขกับการพักผ่อนอยู่บ้าน และอีกหลายๆบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ก็คงมีความสุขกับระดับน้ำที่เริ่มลดเรื่อยๆ เช่นกัน สำหรับวันนี้ leecurtain จึงขอนำวิธีจัดการกับผ้าม่านหลังน้ำลด และการซักผ้าม่านแบบง่ายๆด้วยตัวเองมาฝากเป็น แนวความรู้ให้ทุกท่านได้นำไปใช้ เพื่อให้บ้านของทุกๆคนกลับมาสวยงามเหมือนเดิมครับ 
        เพราะหลังจากที่น้ำลด ทั้งผ้าม่าน และวอลเปอร์ จะได้รับความเสียหาย ทั้งคราบดำฝังติดแน่น แนะนำให้แช่ผ้าลงในผงซักฟอกทิ้งไว้ เพื่อให้คราบสกปรกทั้งหลายหลุดออกมา แต่หากมัดผ้าม่านขึ้นเหนือน้ำแล้ว โปรดตรวจสอบดูเชื้อราที่เกิดขึ้นกับความชื้น แนะนำว่าควรจะซักเช่นกัน เนื่องจากจะมีละอองฝุ่นหรือเชื้อโรคอาศัยเกาะติดอยู่ตามเนื้อผ้าได้ครับ
ขั้นแรกควรตรวจสอบประเภท และคุณสมบัติของผ้าม่านกันก่อนว่าสามารถซักได้ไหม ถ้าซักได้ต้องซักแบบไหนผ้าม่านถึงจะไม่ชำรุด โดยปกติแล้วผ้าม่านส่วนใหญ่ในปัจจุบุันจะประกอบด้วยเส้นใย polyester ซึ่งผ้าม่านชนิดนี้สามารถซักเครืองได้ แต่ในกรณีที่ไม่ทราบ หรือไม่แน่ใจว่าผ้าม่านเป็นแบบไหน ชนิดไหน เราขอแนะนำให้ซักผ้าม่านด้วยมือเพราะจะช่วยป้องกันไม่ไห้ผ้าม่านเสียหายได้ครับ แต่สำหรับผ้าไหมแท้แนะนำว่าให้ส่งซักแห้งดีกว่าครับ โดยวิธีการซักมีสองแบบหลักๆ คือ


1. ซักด้วยมือ ซึ่งจะเป็นวิธีการถนอมผ้ามากที่สุด แต่ถ้าหากมีจำนวนหลายชุดก็ต้องออกแรงหน่อยนะครับ * ขอแนะนำว่าผ้าโปร่งควรซักด้วยมือนะครับ *


2. ซักด้วยเครื่องซักผ้า เมื่อตรวจสอบแล้วว่าลักษณะเนื้อผ้ายังคงแข็งแรงอยู่ ก็สามารถซักด้วยเครื่องได้ครับ เลือกโปรแกรมให้ตรงกับเนื้อผ้าหากต้องการใช้โปรแกรมปั่นหมาด ควรระมัดระวังแรงเหวี่ยงจะทำให้ผ้าม่านขาดได้ครับ


เรามาเริ่มลงมือกันเลยครับ.....


ขั้นตอนที่ 1
ใช้บันไดหรือเก้าอี้ เพื่อปีนปลดม่านจากรางม่าน โดยมากจะแขวนไว้ด้วยตะขอ จากนั้นถอดตะขอออกจากตัวม่าน เก็บตะขอไว้ในกล่องให้ดีนะครับ ไม่งั้นตอนใส่กลับมีปัญหาแน่ๆ


ขั้นตอนที่ 2
ถอดโซ่ออกจากผ้าโดยใช้คัตเตอร์เลาะตะเข็บที่ชายผ้า แล้วดึงโซ่ออกมา แยกและเขียนกำกับไว้ว่าของชุดไหนนะครับ ป้องกันการสับสนครับ


ขั้นตอนที่ 3
หาภาชนะขนาดใหญ่สำหรับการแช่ผ้า กะละมัง หรืออาจจะดัดแปลงเอาอ่างอาบน้ำใช้ในการซักก็ได้นะครับ โดยใช้น้ำผสมผงซักฟอก (กะปริมาณผงซักฟอกตามปริมาณเนื้อผ้า) หรือน้ำยาซักฟอก โดยหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักฟอกขาว จากนั้นขยำเบาๆ สำหรับเครื่องซักผ้าเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับเนื้อผ้าหรือแบบเบาที่สุดครับ โดยเลือกใช้น้ำอุณหภูมิปกติ


ขั้นตอนที่ 4
ล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้งจนกว่าฟองจะหมด หลังจากนั้นแช่ด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม 10-15 นาที เพื่อรักษาเนื้อผ้าและให้ผ้าม่านมีกลิ่นหอมเหมือนใหม่ๆครับ
ขั้นตอนที่ 5
ใช้มือบิดพอหมาด หรือปั่นแห้งแบบเบาที่สุด ขึงตากแดดอ่อนหรือในร่มโดยพาดกับราวเล็ก หลีกเลี่ยงแดดแรงนะครับ เพราะอาจทำให้ผ้ากรอบและเสียหายได้ได้


ขั้นตอนที่ 6
ใส่ตะขอม่านเข้าที่เดิมและใส่โซ่เข้าที่ชายผ้ากลับที่เดิม ค่อยๆไล่โซ่ตามปลายผ้าไปเรื่อยๆจนถึงปลายอีกด้าน จะทำให้ชายผ้าถ่วงอย่างสม่ำเสมอ แล้วเย็บปิดรอยที่ปลายผ้าของโซ่ทั้งสองด้านครับ


ขั้นตอนที่ 7
ดัดแปลงโดยใช้โต๊ะทานข้าวปูด้วยผ้าด้านล่างสำหรับรองรีด จับหัวและท้ายให้ตึง แล้วค่อยๆรีด โดยรีดทางด้านหลังของผ้าครับ หากเนื้อผ้าบางมาก แนะนำให้รองผ้ารีดทับอีกชั้นแล้วจึงค่อยรีด รีดด้วยไฟอ่อน หรือจะรีดกับพื้นก็ได้ครับขึ้นกับความสูงของผ้าม่าน


ขั้นตอนที่ 8
นำผ้าม่านแยกชุดไว้ตามห้อง แล้วแขวนกลับที่เดิม เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ แค่นี้บ้านของเราก็กลับมาสวยเหมือนเดิมแล้ว

หากท่านใดต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมก็สามารถ โทรเข้ามาสอบถามที่ 02-612-0927
leecurtain ยินดีให้คำปรึกษากับทุกคนครับ แต่ถ้าหากต้องการความสะดวกสบาย ทาง leecurtain มีบริการรับซักผ้าม่านในราคาพิเศษ ใช้เวลา 3-7 วันขึ้นอยู่ปริมาณงานครับ




















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น